ระยะเวลาในการเปลี่ยนไส้กรองน้ำ

การเปลี่ยนไส้กรองน้ำ ตามระยะเวลาการใช้งานสำคัญอย่างไร?

  1. รักษาคุณภาพน้ำดื่ม: ไส้กรองที่หมดอายุหรือไม่ได้รับการเปลี่ยน จะไม่สามารถกรองสิ่งสกปรก สารเคมี หรือเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้น้ำดื่มของคุณไม่สะอาดเท่าที่ควรจะเป็น การเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนดจะช่วยให้คุณได้น้ำดื่มที่สะอาด ปลอดภัย และมีรสชาติดี

  2. ป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค: เมื่อใช้งานไปนานๆ ไส้กรองจะเริ่มสะสมสิ่งสกปรก ตะกอน แบคทีเรีย และเชื้อรา ซึ่งอาจปนเปื้อนกลับเข้าไปในน้ำดื่มของคุณได้ การเปลี่ยนไส้กรองใหม่จะช่วยขจัดสิ่งเหล่านี้ และป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรค

  3. ยืดอายุการใช้งานของเครื่องกรองน้ำ: ไส้กรองที่อุดตันจะทำให้เครื่องกรองน้ำทำงานหนักขึ้น เพื่อดันน้ำผ่านไส้กรองที่ตัน ซึ่งอาจทำให้มอเตอร์หรือส่วนประกอบอื่นๆ เสียหายก่อนเวลาอันควร การเปลี่ยนไส้กรองตามกำหนดจะช่วยให้ระบบกรองน้ำทำงานได้อย่างราบรื่นและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

  4. คงประสิทธิภาพในการกรอง: ไส้กรองแต่ละชนิดมีอายุการใช้งานที่จำกัด เมื่อถึงเวลา ไส้กรองจะสูญเสียประสิทธิภาพในการกรองสารต่างๆ เช่น คลอรีน โลหะหนัก หรือความกระด้าง การเปลี่ยนไส้กรองใหม่จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่ผ่านการกรองยังคงมีคุณภาพตามที่คุณต้องการ

  5. ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว: แม้ว่าการเปลี่ยนไส้กรองจะมีค่าใช้จ่าย แต่การปล่อยให้ไส้กรองหมดสภาพและไม่เปลี่ยน อาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่า เช่น เครื่องกรองน้ำเสีย หรือต้องดื่มน้ำที่ไม่สะอาด ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและต้องเสียค่ารักษาพยาบาลในที่สุด การเปลี่ยนไส้กรองตามกำหนดจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

อายุการใช้งานไส้กรองน้ำแต่ละประเภท

อายุการใช้งานของไส้กรองน้ำแต่ละประเภทจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับคุณภาพของไส้กรอง ปริมาณการใช้น้ำ และคุณภาพน้ำดิบ (น้ำที่ยังไม่ผ่านการกรอง) โดยทั่วไปแล้ว จะมีระยะเวลาดังนี้ :

  1. ไส้กรอง PP Sediment (Polypropylene):

    • อายุการใช้งานโดยประมาณ: 3 – 6 เดือน
    • หน้าที่หลัก: กรองตะกอนขนาดใหญ่ เช่น ทราย ดิน โคลน สนิม
    • สัญญาณที่ควรเปลี่ยน: สีเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือมีตะกอนเกาะติดจำนวนมาก
  2. ไส้กรอง GAC (Granular Activated Carbon):

    • อายุการใช้งานโดยประมาณ: 6 – 12 เดือน
    • หน้าที่หลัก: ดูดซับคลอรีน กลิ่น สี สารอินทรีย์บางชนิด
    • สัญญาณที่ควรเปลี่ยน: เริ่มมีกลิ่นคลอรีน หรือรสชาติแปลกๆ ในน้ำ
  3. ไส้กรอง CTO (Carbon Block):

    • อายุการใช้งานโดยประมาณ: 6 – 12 เดือน
    • หน้าที่หลัก: คล้าย GAC แต่มีความละเอียดในการกรองสูงกว่า มักใช้กรองคลอรีน สารเคมี กลิ่น และสี
    • สัญญาณที่ควรเปลี่ยน: เริ่มมีกลิ่นคลอรีน หรือรสชาติแปลกๆ ในน้ำ น้ำไหลช้าลง
  4. ไส้กรอง Resin (Ion Exchange):

    • อายุการใช้งานโดยประมาณ: 6 – 12 เดือน (หรือตามจำนวนลิตรที่ระบุ) และสามารถฟื้นฟูสภาพได้
    • หน้าที่หลัก: ลดความกระด้างของน้ำ (หินปูน)
    • สัญญาณที่ควรเปลี่ยน: เกิดคราบตะกรันมากขึ้น หรือน้ำไม่นุ่มเหมือนเดิม (หากเป็นแบบฟื้นฟูได้ ก็ถึงรอบที่ต้องฟื้นฟู)
  5. ไส้กรอง UF (Ultrafiltration):

    • อายุการใช้งานโดยประมาณ: 12 – 24 เดือน
    • หน้าที่หลัก: กรองอนุภาคขนาดเล็กมาก แบคทีเรีย และโปรโตซัว โดยไม่กำจัดแร่ธาตุ
    • สัญญาณที่ควรเปลี่ยน: น้ำไหลช้าลงมาก หรือคุณภาพน้ำเปลี่ยนไป
  6. ไส้กรอง RO Membrane (Reverse Osmosis):

    • อายุการใช้งานโดยประมาณ: 18 – 24 เดือน (หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและคุณภาพน้ำดิบ)
    • หน้าที่หลัก: กรองสิ่งสกปรกที่เล็กที่สุด รวมถึงแร่ธาตุ โลหะหนัก และเชื้อโรค
    • สัญญาณที่ควรเปลี่ยน: ปริมาณน้ำที่กรองได้ลดลง รสชาติของน้ำเปลี่ยนไป ค่า TDS สูงขึ้น

ข้อควรจำ:

  • ข้อมูลนี้เป็นเพียงการประมาณ อายุการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไป
  • ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องกรองน้ำ
  • หากน้ำดิบของมีตะกอนมาก หรือมีการใช้น้ำปริมาณมาก ไส้กรองอาจต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้นตามปริมาณการใช้งาน
  • ระยะเวลาในการเปลี่ยนไส้กรอง ขึ้นอยู่กับสภาพน้ำในแต่ละพื้นที่

You may also like these / คุณอาจจะชอบสิ่งนี้ด้วย